ซ้อการ์ด อินฟลูเอนเซอร์ สาวสวย เซ็กซี่ เจ้าแม่คอนเทนต์ Tiktok

ซ้อการ์ด กำลังเป็นที่สนใจสำหรับแฟนคลับของ อินฟลูเอนเซอร์ สาว ซ้อก้าด หรือ การ์ด ณัฐชยานันท์ แฟนสาวหนุ่ม ซุง ศตาวิน ซ้อก้าดดราม่า และ สาวแอมมี่ บิวตี้บล็อกเกอร์ คนดัง ปมโดนแฉ จากการให้บิ้วตี้บล็อกเกอร์ รีวิวสินค้าให้แต่ไม่มีค่าจ้าง จนเป็นประเด็นร้อนในเวลานี้ และล่าสุด ซ้อการ์ด ขอโทษ บิวตี้บล็อกเกอร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้วเชื่อว่าหลายคนอาจยังไม่รู้จักเธอวันนี้จึงขอพาไปรู้จัก ประวัติ ซ้อการ์ด กันสักหน่อย บอกเลยว่าเธอคนนี้ไม่ธรรมดา

ประวัติ ซ้อการ์ด CEO สาวคนเก่งยุค 5 จี

สำหรับประวัติของ”ซ้อก้าด” หรือ ณัฐชยานันท์ สุขวัฒนพรสาวน้อยที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในในวงการอินฟลูเอนเซอร์ สายแฟชั่นและความงาม ซ้อก้าดนั้นเกิดวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ปัจจุบัน ซ้อก้าด อายุ 27 ปี เป็นชาวจังหวัดนครสวรรค์ มีพี่ชาย 1 คน และฝาแฝดอีก 1 คน ด้านการศึกษา ซ้อการ์ด จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในด้านหัวใจปัจจุบันเธอกำลังคบหาดูใจกับ หนุ่มซุง ศตาวิน นาคทองเพชร อินฟลูเอนเซอร์และยูทูบเบอร์ชื่อดังที่หลาย ๆ รู้จักโดยทั้งคู่มักจะมีคอนเทนต์ที่ทำร่วมกันอยู่บ่อย ๆ นอกจากจะเป็นคนรู้ใจแล้ว ทั้งคู่ยังเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจที่ร่วมกันสร้างจากศูนย์จนถึงความสำเร็จในปัจจุบัน

ซ้อการ์ด เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นช่วงปี 2565 ถือเป็น อินฟลูเอนเซอร์ ขวัญใจวัยรุ่น ที่โด่งดังจากการทำคอนเทนต์บน TikTok ด้วยสไตล์ที่แตกต่างโดยเน้นจุดเด่นที่ความเซ็กซี่ รวมการช่วยเหลือสังคมไปกับแฟนหนุ่มซุงและกลุ่มเพื่อน ทำให้เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว และในปัจจุบันเธอมีผู้ติดตามมากกว่า 9 ล้านคน นับได้ว่าเป็นอินฟลูเอนเซอร์สาวสวยที่ชื่อดังอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว

ผลงาน เส้นทางสู่ CEO เครื่องสำอางแบรนด์ดังของ ซ้อการ์ด

ต้องบอกว่า ซ้อการ์ด เห็นแบบนี้ก็เคยอยู่ในจุดพีคที่สุดมาแล้วจากการล้มละลายของธุรกิจของครอบครัว ด้วยพรสวรรค์นักขายที่มีติดตัวอยู่นำมาเริ่มทำธุรกิจด้วยตัวเองที่เกิดจากความชอบความสวยความงาม มาทำการขายสบู่ล้างหน้า และเซรั่มทางออนไลน์จนเกิดเป็น ซ้อก้าดแบรนด์ Love Potion ที่มีประเด็น ดราม่า ซ้อก้าด แอมมี่ อยู่ทั่วหน้าฟีดในเวลานี้นั่นเอง แต่เรื่องราวความร้อนก็สามารถเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดได้ด้วยการที่ ซ้อการ์ด ขอโทษ แอมมี่ และบิวตี้บล็อกเกอร์คนอื่นๆ หลังจากอัดคลิปชี้แจง ดราม่า การรีวิวสินค้าไม่มีค่าจ้างไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนใครใหญ่ที่เกิดจากความไม่ชัดเจนของการส่งสินค้ารีวิว แต่อย่างไรก็เข้าใจทั้งสองฝ่าย พร้อมส่งกำลังใจให้ทั้งคู่ ให้ต่างคนต่างเดินหน้าทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปอย่างเต็มที่